ก่อนที่จะใช้เริ่มใช้เครื่อง ลองมาทำความรู้จักเกี่ยวกับเครื่อง Bambulab รวมไปถึงส่วนประกอบของเครื่อง ว่ามีอะไรบ้าง เวลาใช้งานแล้วมีปัญหา จะได้สอบถามและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของร้านได้ตรงจุด

เครื่อง Bambulab P1 และ X1 แตกต่างกันอย่างไร?

เครื่องทั้ง 2 รุ่น มีขนาดพื้่นที่พิมพ์เท่ากัน ความละเอียดและความเร็วในการพิมพ์เท่ากัน จุดที่แตกต่างกันก็คือ เครื่องรุ่น X1 จะมาพร้อมกับหน้าจอและหน่วยประมวลผลที่เร็วและฉลาดกว่า มีระบบ AI ที่คอยตรวจสอบชิ้นงานที่กำลังพิมพ์อยู่ ถ้างานปริ้นเสีย หรือหลุด ตัวเครื่องรุ่น X1 ก็จะรู้ และหยุดไม่พิมพ์ต่อ จนกว่าผู้ใช้งานจะเข้ามาแก้ไข นอกจากนั้น เครื่องรุ่น X1 ยังมี Lidar ที่ช่วยเช็คอัตราการไหลของเส้นพลาสติก แล้วเลือกค่าที่ดีที่สุด มาใช้ในการพิมพ์ จุดต่างอีกอย่างก็คือหัวฉีดและชุดดันเส้นของเครื่องรุ่น X1 จะเป็นแบบชุบแข็งติดตั้งมากจากโรงงาน ทำให้สามารถพิมพ์เส้นพลาสติก ที่ผสมคาร์บอนไฟเบอร์ได้เลย ส่วนรุ่น P1 จำเป็นจะต้องซื้อหัวฉีดและชุดดันเส้นมาเปลี่ยนก่อน ถึงจะพิมพ์เส้น FIlament ที่ผสมคาร์บอนไฟเบอร์ได้

เครื่องรุ่น P1P / P1Sเครื่องรุ่น X1C / X1E
หัวฉีด Hotendสแตนเลส ขนาดรู 0.4 มิลลิเมตรชุบแข็ง ขนาดรู 0.4 มิลลิเมตร
ชุดดันเส้น Extruderเหล็กเหล็กชุบแข็ง
Lidar Scanner วัดอัตราการไหลของเส้นพลาสติกไม่มีมี
กล้องตรวจจับการพิมพ์ในเลเยอร์แรกไม่มีมี
ระบบ AI ตรวจสอบงานระหว่างพิมพ์ไม่มีมี
การควบคุมเครื่องหน้าจอปกติ สั่งงานผ่านปุ่มกดหน้าจอ Touch Screen มีหน่วยความจำในตัว
ตารางเปรียบเทียบ ข้อต่างระหว่างรุ่น P1 กับ X1

เครื่อง BambuLab รุ่น P1 / X1 ทำงานอย่างไร?

Bambulab เป็นเครื่องที่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ FDM ที่ใช้พลาสติกเป็นหมึกในการฉีดขึ้นรูป กับกันเป็นชั้นจนกลายเป็นโมเดล 3 มิติ ซึ่งตัวเครื่องจะทำงานร่วมกันกับโปรแกรม Slicer ที่ชื่อว่า Bambu Studio

สำหรับโมเดลที่ใช้พิมพ์นั้นจะมีนามสกุล STL / OBJ / STP หรือ 3MF ซึ่งไฟล์พวกนี้ สามารถหามาได้จากหลายทาง ตั้งแต่เขียนหรือวาดขึ้นมาเอง โดยใช้โปรแกรมออกแบบ จำพวก Tinkercad / Blender / Fusion 360 / Solidwork / Autocad 3D / Onshpae / Nomad รวมถึงโปรแกรมออกแบบ 3 มิติจำพวกอื่นๆ ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้ สามารถที่จะบันทึกไฟล์ออกมาเป็นนามสกุล STL / OBJ / 3MF ได้

นอกจากเขียนเองแล้ว ยังสามารถที่จะหาไฟล์ได้จากแหล่ง Download ใน Internet ซึ่งตอนนี้ ก็มีให้เลือกหลาย Web เช่น Makerworld, Printables และ Thingiverse

ไฟล์ที่ Download หรือเขียนขึ้นมาเอง จะต้องผ่านโปรแกรม Slicer ที่มากับเครื่องก่อน ซึ่งตัวโปรแกรม Slicer จะมีหน้าที่แปลงไฟล์ที่เป็นรูป 3 มิติ ให้กลายเป็น Code สำหรับให้เครื่องปริ้นอ่าน

โปรแกรม Slicer เป็นแค่เครื่องมือสำหรับแปลงไฟล์เท่านั้น ไม่ใช่โปรแกรมที่ใช้ออกแบบโมเดล หน้าที่ของโปรแกรม Slicer จะเป็นในเรื่องของการจัดวางท่าทางในการพิมพ์ ความละเอียดที่จะใช้พิมพ์ ความแข็งแรงของชิ้นงานที่ปริ้นออกมา รวมไปถึงการเลือกชนิดเส้นพลาสติกที่ใช้พิมพ์

ส่วนประกอบสำคัญของเครื่อง X1 Series

เครื่องที่ใช้พลาสติกในการขึ้นรูป หรือที่เรียกว่า FDM 3D printer นั้น ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบที่เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันในส่วนของ ระบบการเคลื่อนที่ / ชนิดของหัวฉีดและฐานพิมพ์

เคลื่อนที่หัวฉีดด้วยระบบ Core XY

สำหรับการเคลื่อนที่ของเครื่อง BambuLab รุ่น P1 และ X1 จะใช้การเคลื่อนที่แบบ Core XY ซึ่งเป็นจุดเด่นของเครื่องยี่ห้อนี้ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เครื่องสามารถพิมพ์งานได้เร็ว ซึ่งระบบ Core XY จะเป็นการเคลื่อนที่ โดยการใช้มอเตอร์ 2 ตัว ที่เชื่อมต่อกันด้วยการวางสายพานแบบไขว้กัน ซี่งการเคลื่อนที่ในแต่ละครั้ง ตัวมอเตอร์ทั้ง 2 ตัวจะต้องหมุนไปด้วยกัน

A และ B คือมอเตอร์ที่ขับเคลื่อนหัวพิมพ์ด้วยระบบ Core XY
  1. A motor อยุ่ด้านขวาหลังของเครื่อง
  2. B motor อยู่ด้านซ้ายหลังของเครื่อง
  3. Waste chute เป็นกล่องสำหรับให้หัวฉีดมาฉีดเส้นพลาสติกทิ้งออกไปนอกเครื่อง

แกนขึ้นลง Z-Axis

สำหรับการเคลื่อนที่ของฐานพิมพ์นั้น ตัวเครื่อง จะใช้ Lead Screw จำนวน 3 ตัว ด้านหน้า 2 ตัวและด้านหลัง 1 ตัว ในการยกฐานพิมพ์ ขึ้นและลง ซึ่งแกน Lead Screw จะถูกผูกเชื่อมกันดัวยสานพาย 1 เส้น และใช้มอเตอร์แค่ตัวเดียว ในการขยับฐาน

ตำแหน่งของ Lead Screw สำหรับขยับฐาน ตรงจุดนี้ ต้องมีการทำความสะอาดและหล่อลื่นด้วยจารบี

เครื่อง BambuLab มาพร้อมกับฐานที่ปรับตั้งระดับมาแล้วมาจากโรงงาน ไม่จำเป็นต้องมาปรับฐานอีก สามารถแกะกล่องแล้วใช้งานได้เลย

ชุดหัวพิมพ์

หัวพิมพ์ของเครื่อง Bambu Lab จะเป็นระบบ Direct Drive ซึ่งตัวหัวฉีด Hotend กับตัวดันเส้น Extruder จะอยู่ติดกัน ชุดหัวพิมพ์จะมีฝาครอบปิดอยู่ สามารถเปิดได้ ไม่ต้องใช้เครื่องมือ เพราะฝาครอบถูกยึดติดด้วยแม่เหล็ก ด้านหน้ามีพัดลมสำหรับเป่าชิ้นงานที่กำลังพิมพ์ ถ้าเป็นเครื่องรุ่น X1 ด้านข้างจะมี Lidar Sensor ซึ่งในรุ่น P1 จะไม่มี

ฝาครอบยึดด้วยแม่เหล็ก ถ้าเปิดฝาออก ก็จะเห็นตัว Extruder ชุดดันเส้น และ หัวฉีด Hotend อยู่ด้านใน
  1. Tool Head Led เป็นหลอดไฟ LED ที่อยู่ตรงโลโก้ Bambu Lab
  2. Filament Cutter เป็นก้านตัดเส้นพลาสติกที่มีใบมีดอยู่ด้านใน ใช้ตัดเส้นเวลาปริ้นหลายสี หรือการเอาเส้นออก ซึ่งจะทำงานแบบอัตโนมัติ แต่สามารถเอามือกดได้ ในกรณีที่ต้องการตัดเส้นด้วยตัวเอง
  3. Front Housing Assembly เป็นฝาครอบยึดด้วยแม่เหล็ก ดึงออกได้ด้วยมือ มีพัดลมเป่างานติดอยู่ เวลาดึง ห้ามดึงแรง เพราะอาจจะดึงเอาสายพัดลมออกมาด้วย

ตัวชุดหัวพิมพ์จะถูกผูกติดกับแกน คาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีความคงทน มากกว่าแกนเหล็ก และมีน้ำหนักเบา เวลาทำความสะอาดแกนคาร์บอนให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด ไม่ต้องใส่หรือลงจารบี เพราะจะทำให้ฝุ่นไปเกาะ แล้วทำให้แกนสึกหรือเสียหายได้

ชุดดันเส้น Extruder และหัวฉีด Hotend

สำหรับ Extruder หรือตัวดันเส้น จะอยู่ด้านบนหัวฉีด มีหน้าที่ดันเส้นพลาสติกลงไปที่หัวฉีด ซึ่งชุดดันเส้นของเครื่อง X1 และ P1 จะใช้เฟืองเกียร์คู่ ที่มีการเซาะร่องให้มีฟัน เพื่อขบเส้นพลาสติก ตัวเฟืองเกียร์จะมีการทดรอบ เพื่อเพิ่มแรงอัด ในการดันเส้นไปที่หัวฉีด และยังช่วยให้การดึงและดันเส้นมีความละเอียด และแม่นยำ

เครื่อง X1 จะมาพร้อมกับหัวและชุดดันเส้นแบบชุบแข็งติตดั้งมาจากโรงงาน สามารถปริ้นเส้นพลาสติกแบบ Composite ที่ผสมคาร์บอนไฟเบอร์ได้ ส่วนเครื่อง P1 จะมาพร้อมกับหัวกับชุดดันเส้นแบบธรรมดา ถ้าจะใช้ปริ้นเส้นผสมคาร์บอนไฟเบอร์ ก็ต้องเปลี่ยนหัวกับชุดดันเส้นก่อน

เปิดฝาครอบออก จะเจอชุดดันเส้นและหัวฉีด

ในส่วนของหัวฉีดหรือ Hotend ที่มากับเครื่อง จะเป็นแบบ Unibody ที่รวมหัวฉีด กับซิงค์ระบายความร้อนเข้าด้วยกันเป็นชิ้นเดียว ไม่สามารถที่จะถอดปลายหัวฉีดออกมาได้ เวลาเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนทั้งชิ้น หัวฉีดของเครื่อง Bambulab เป็นแบบ All Metal ที่ใช้โลหะทั้งหมด ตัวหัวฉีดทำความร้อนได้สูงถึง 300 องศา ทำให้สามารถพิมพ์พลาสติกได้หลากหลายชนิด

  1. Extruder ชุดดันเส้นพลาสติก สามารถที่จะถอดออกมาทำความสะอาดได้
  2. Hotend หรือหัวฉีด ซึ่งจะประกอบไปด้วยฮีทเตอร์ทำความร้อน เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ และพัดลมที่เป่าซิงค์ระบายความร้อน
  3. Micro Lidar เซนเซอร์สำหรับวัดอัตราการไหลของเส้นพลาสติก ใช้ตอน Calibrate หรือก่อนปริ้น

สำหรับหัวฉีด สามารถที่จะแกะออกมาได้ โดยการถอดน็อต 2 ตัว และ Connector ที่เสียบอยู่บนบอร์ด เวลาถอดหัวฉีด จะต้องปิดสวิตช์และดึงปลั๊กไฟออกก่อนทุกครั้ง ต้องไม่ลืมว่าหัวฉีด ไม่ได้อยู่ในการรับประกัน ถ้าเสียหาย จะต้องซื้อเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด

ส่วนประกอบของหัวฉีด Bambulab รุ่น X1 และ P1

หัวฉีดของเครื่อง Bambu Lab จะมีขนาดรูหัวฉีดให้เลือกตั้งแต่ 0.2 ไปถึง 0.8 แต่หัวฉีดที่ไปกับเครื่องจะมีขนาดรู 0.4 มิลลิเมตร เป็นมาตรฐาน นอกจากขนาดรูแล้ว ยังมีหัวฉีดแบบชุบแข็งให้เลือกอีกด้วย ซึ่งเครื่อง BambuLab X1 ตัวหัวฉีดที่ติดไปกับเครื่องจะเป็นหัวฉีดชุบแข็ง ขนาดรู 0.4 มิล สามารถพิมพ์เส้นผสมคาร์บอนไฟเบอร์ และ ใยแก้วได้

ระบบเป่าลม Cooling System

จุดที่เด่นมากๆของเครื่อง Bambu Lab ก็คือการปริ้นงานที่รวดเร็วกว่าเครื่องยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งการพิมพ์เร็ว จะมีปัญหาได้ ถ้าไม่มีพัดลมคอยเป่าให้ชิ้นงานที่พิมพ์เย็นก่อน ที่จะพิมพ์ชั้นใหม่ลงไป ซึ่งเครื่อง X1 และ P1 จะมีพัดลมสำหรับเป่างานอยู่ 2 ตัวด้วยกัน

พัดลมเป่างานที่อยู่ตรงฝาครอบหัวฉีด ตัว Air Duct เป็นตัวรีดลมให้เป่าไปที่งาน

ตัวแรกอยู่ที่ชุดหัวพิมพ์ ตรงฝาครอบ ซึ่งพัดลมตัวนี้จะเป็นตัวที่อยู่ใกล้ชิ้นงานที่พิมพ์ ซึ่งการเปิด ปิดของพัดลมตัวนี้ จะเป็นแบบอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับพลาสติกที่ใช้ รวมไปถึงรูปแบบของงาน ก็เป็นตัวกำหนดความแรงของลมที่เป่าออกมา

พัดลม Aux Fan มีชนาดใหญ่ และมีเสียงดัง เวลาทำงาน

พัดลม Aux Fan สามารถใช้ได้กับพลาสติกทุกชนิด ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ตัดสินใจเอง ถ้างานชิ้นเล็กและพิมพ์ชิ้นเดียว อาจจำเป็นต้องใช้ แต่ถ้างานใหญ่ พิมพ์เต็มพื้นที่ อาจจะไม่จำเป็น ซึ่งการเปิดปิด และระดับความแรงของพัดลม สามารถตั้งได้ในโปรแกรม Slicer

ด้านบนของพัดลม Aux Fan จะเป็นหลอดไฟ LED ทีช่วยเพิ่มการมองเห็น ภายในเครื่อง

ฐานทำความร้อน Heated Bed

ตัวเครื่องมาพร้อมกับ ฐานทำความร้อน ที่สามารถทำความร้อนได้สูงสุด 110 องศา ฐานทำความร้อน มีประโยชน์อย่างมาก เวลาที่พิมพ์พลาสติกวิศวกรรม จำพวก PETG / ABS / ASA และ PC เพราะจะช่วยให้งานไม่หลุดจากฐาน เพราะพลาสติกเหล่านี้ มีการหดตัวที่สูงมาก พลาสติกแต่ละชนิด จะใช้ความร้อนที่ฐานไม่เท่ากัน บางชนิดอาจไม่ต้องใช้เลยก็ได้ ด้านบนฐานทำความร้อน เป็นแม่เหล็กยาง สำหรับวางแผ่นรองปริ้น

เวลาปริ้นงานจำเป็นต้องวางแผ่นฐานรองปริ้นก่อนทุกครั้ง ห้ามปริ้นลงบนฐานทำความร้อน เพราะจะทำให้ชุดทำความร้อนเสียหายได้

แผ่นรองปริ้น Build Plate

ตัวเครื่อง BambuLab จะมีแผ่นรองปริ้น ที่ใช้ได้ 2 หน้า ซึ่งตัวแผ่นรองปริ้น จะวางบนฐานทำความร้อนอีกที ตัวแผ่นทำจากเหล็กสปริง ติดด้วยสติกเกอร์หรือพ่นเคลือบด้วยสารพิเศษ ที่ช่วยให้พลาสติกติดที่ฐาน เวลาปริ้นงานเสร็จ ก็แค่ยกแผ่นรองปริ้นออก แล้วบิดแผ่นไปมา เพื่อให้ชิ้นงานหลุดออกจากแผ่น

ที่แผ่นของ Bambulab จะมีบอกชนิดชองแผ่น และเส้นที่สามารถใช้ได้

เวลาใช้งานแผ่นแต่ละด้าน จำเป็นต้องเลือกขนิดแผ่นให้ตรงกับโปรแกรม Bambu Studio ด้วย ไม่อย่างนั้นตัวเครื่องจะฟ้องว่าแผ่นที่ใส่ กับไฟล์ที่ส่งมาปริ้น ไม่ตรงกัน เครื่องจะไม่ยอมทำงาน

อุปกรณ์ด้านหลังเครื่อง

ด้านหลังเครื่องของทั้ง 2 รุ่น X1 และ P1 จะเหมือนกัน แตกต่างกันแค่วัสดุและสีที่ใช้ ซึ่งแผ่นหลังนี้ สามารถที่จะถอดออกมาได้ ซึ่งด้านใน ก็จะมีแผงวงจรและอุปกรณ์อิเลตทรอนิคส์ที่ใช้ควบคุมเครื่อง

ในภาพเป็นด้านหลังเครื่อง X1 ซึ่งรุ่น P1 ก็เป็นแบบเดียวกัน
  1. Belt Tensioner เป็นตัวยึดสายพานของมอเตอร์ A และ B ซึ่งตัวยึดนี้ สามารถที่จะใช้ปรับตั้งความตึงของสายพานได้ ตัวเครื่องจะแจ้งเตือน เวลาที่จะต้องมีการปรับตั้งความตึงของสายพาน
  2. Filmanet Buffer อุปกรณ์ชิ้นนี้จะมาพร้อมกับชุด Combo เท่านั้น ซึ่งจะใช้งานร่วมกับกล่อง AMS สำหรับปริ้นหลายสี หน้าที่ของอุปกรณ์ตัวนี้ จะคอยดึงเส้นพลาสติกที่อยู่ในกล่อง AMS มารอไว้ ก่อนที่ชุดดันเส้น Extruder ในหัวฉีดจะทำการดึงเส้นไปใช้ ช่วยให้มอเตอร์ดันเส้นทำงานไม่หนักเกินไป
  3. Excess Chute เป็นช่องทีเศษพลาสติก จะไหลออกมา เวลาที่หัวฉีด ทำการฉีดเส้นทิ้ง เพื่อเปลี่ยนเส้น หรือเปลี่ยนสี
  4. Chamber Temperature Control Fan เป็นพัดลม สำหรับควบคุมความอุณหภูมิในห้องพิมพ์ ซึ่งจะทำงานแบบอัตโนมัต ตามเส้นพลาสติกที่ใช้

ฟีเจอร์ต่างๆที่มากับเครื่อง

เครื่อง Bambulab จะเป็นเครื่องที่มีการใส่ฟีเจอร์ ที่ช่วยให้การใช้งานเครื่อง ทำได้อย่างราบรื่น และยังเพิ่มคุณภาพงานพิมพ์ ตัวเครื่องมีเซนเซอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยผู้ใช้ ใช้งานเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องไปเสียเวลากับการตั้งจูนเครื่อง

Micro Lidar (มีเฉพาะรุ่น X1)

หนึ่งในนวัตกรรม ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของเครื่อง Bambu Lab ก็คือ Lidar เซนเซอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับวัดระยะ และความลึก ซึ่งเซนเซอร์ตัวนี้ ทาง Bambu นำมาประยุกต์ใช้ เพื่อหาค่าที่เหมาะสมในการฉีดเส้นพลาสติก ตัวเซนเซอร์จะอยู่ด้านข้างของชุดหัวฉีด

การทำงานของ Micro Lidar ของเครื่องรุ่น X1

ตัวเครื่องรุ่น X1 ก่อนพิมพ์งานจะทำการฉีดเส้นเทส ขึ้นมา แต่ละเส้นจะถูกฉีดออกมาด้วยแรงดันที่ต่างกัน ซึ่งพอฉีดเส้นเสร็จ ตัว Lidar ที่อยู่ติดกับหัวฉีด ก็จะเข้ามา เพื่อทำการสแกนเส้น เพื่อหาเส้นที่ฉีดออกมา ที่ดูแล้วสม่ำเสมอที่สุด แล้วจำค่าที่ฉีดเส้นนั้น เอามาใช้สำหรับปริ้นงาน

การใช้งาน Lidar Sensor จะทำก่อนพิมพ์เสมอ ซึ่งจะใช้เวลาค่อนข้างนานในการเทส ผู้ใช้สามารถที่จะยกเลิกการใช้ Lidar ได้ ถ้าใช้เส้นพลาสติก ชนิดเดิมในการพิมพ์งาน ซึ่งการยกเลิก

กล้องสำหรับ Monitor

เครื่องรุ่น X1 และ P1 จะมีกล้องติดอยู่ในเครื่อง ซึ่งกล้องที่ใช้จะเหมือนกัน แตกต่างกันแค่ รุ่น X1 จะเอาภาพที่กล้องมาใช้งานร่วมกับ ระบบประมวลผล ที่จะคอยตรวจสอบชิ้นงานระหว่างพิมพ์ ในกรณีที่ปริ้นงานแล้ว งานหลุด  หรือมีเส้นฝอยออกมา ไม่ติดกับงาน ที่เรียกว่า เส้น สปาเก็ตตี้ ที่ทำให้งานปริ้นเสียระหว่างทาง เครื่อง X1 จะสามารถหยุดเครื่องเองได้แบบอัตโนมัติ และแจ้งเตือนผู้ใช้ผ่าน App ส่วนรุ่น P1 ตัวกล้องจะมีหน้าที่แค่ อัดวิดีโอ และดูภาพแบบ Real time ผ่านทาง App ในมือถือ

ตัวกล้องจะติดอยู่มุมซ้ายหน้าเครื่อง

ตัวกล้องที่อยู่ในเครื่องทั้ง 2 รุ่น สามารถที่จะตั้งอัดวิดีโอแบบ Timelapse ได้ การอัดวิดีโอ Timelapse จำเป็นต้องใส่ Micro SD card ไปที่เครื่องด้วย ถ้าไม่มี จะไม่สามารถอัดวิดีโอได้

ชุดปริ้นหลายสี AMS

จุดเด่นของเครื่อง Bambulab ทุกรุ่น ก็คือการเชื่อมต่อกับกล่อง AMS สำหรับการปริ้นหลายสี ซึ่งตัวเครื่อง X1 และ P1 จะรองรับการใส่กล่อง AMS ได้สูงสุด 4 กล่อง ซึ่งแต่ละกล่องก็จะใส่เส้นได้ 4 ม้วน ทำให้เครื่องหนึ่งตัว สามารถรองรับเส้นได้ถึง 16 ม้วน หรือ 16 สี สำหรับกล่อง AMS ที่ใช้ จะสามารถวางไว้ด้านบน หรือด้านข้างของเครื่องก็ได้ ตัวกล่อง ยังมีหน้าที่ เก็บรักษาเส้นพลาสติก และป้องกันความชื้น

ตัวกล่อง AMS ที่สามารถใส่กับเครื่อง X1 และ P1 ได้

สำหรับเครื่องรุ่นที่เป็น Combo จะมาพร้อมกับ AMS จำนวน 1 กล่อง และถ้าอยากต่อเพิ่มมากกว่า 1 กล่อง จำเป็นต้องซื้อ AMS Hub มาแล้วเปลี่ยนชุดทีติดมากับเครื่อง ถึงจะต่อกล่องเพิ่มได้

ชุดพัดลมทำความร้อน (เฉพาะรุ่น X1E)

เครื่อง Bambulab ในรุ่น X1 จะมี 1 รุ่น ที่จัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเป็นรุ่นที่มีชื่อว่า X1E ที่มีฟีเจอร์ ควบคุมความร้อนในห้องพิมพ์ โดยใช้พัดลมเป่าผ่านฮีทเตอร์ ซึ่งสามารถทำความร้อนในห้องพิมพ์ได้สูงถึง 60 องศา เหมาะกับการพิมพ์เส้นพลาสติกวิศวกรรม จำพวก ABS / ASA / PA / PC และ PPS

ชุดพัดลมควบคุฒความร้อนในห้องพิมพ์ของเครื่องรุ่น X1E

ตัวพัดลมจะถูกติดตั้งอยู่ทางด้านขวาของเครื่อง ตรงข้ามกับพัดลม Aux Fan จะทำงานอัตโนมัติ โดยขึ้นอยู่กับเส้นพลาสติกที่เลือกใช้ในการปริ้น แต่ผู้ใช้สามารถที่จะปรับความร้อนเองได้ ผ่านหน้าจอ Touch Screen หรือตั้งค่าผ่านโปรแกรม Bambu Studio

ช่องเสียบสาย LAN RJ45 (เฉพาะรุ่น X1E)

สำหรับช่องนี้ จะมีมาเฉพาะเครื่องรุ่น X1E เท่านั้น ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ จะรองรับทั้งการต่อผ่านระบบ Wifi และต่อผ่านสาย LAN ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกได้ ข้อดีของการต่อ สาย LAN ก็คือ จะปลอดภัยกว่า การต่อผ่านระบบ Wifi ช่วยป้องกันการ Hack เข้ามาที่เครื่อง เหมาะสำหรับองค์กร หรือบริษัท ที่กังวลเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล หรือความลับของบริษัท ตัวเครื่องรุ่น X1E ยังสามารถติดตั้ง CA Certificate เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ

SATISFYING?
บทความนี้เป็นประโยชน์หรือไม่

nattawat
nattawat
Articles: 89