1. Home
  2. Knowledge Base
  3. โปรแกรม xTool Creative Space
  4. โปรแกรม xTool Creative Space กับเครื่อง xTool D1 Pro

โปรแกรม xTool Creative Space กับเครื่อง xTool D1 Pro

สารบัญ

xTool Creative Space หรือ XCS เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาสำหรับใช้คู่กับเครื่องยิงเลเซอร์ ยี่ห้อ xTool ซึ่งจุดเด่นของโปรแกรม คือมีลูกเล่น ในการแปลงภาพถ่าย หรือรูป ให้สามารถนำไปใช้แกะสลักได้ รวมไปถึง ยังมีฟีเจอร์ที่แปลงภาพ ให้เป็นลายเส้น สำหรับงานตัด Outline เป็นโปรแกรมที่ช่วยให้การใช้งานเครื่องเลเซอร์ xTool ทำได้ง่าย และสนุก มีบทเรียน Tutorial และงานโปรเจค ให้ทำตาม

สเปคคอมพิวเตอร์ขั้นต่ำและที่แนะนำ

รายการสเปคขั้นต่ำสเปคที่แนะนำ
โปรเซสเซอร์Intel Core i5-6200UInter Core i5-11600
ระบบปฏิบัติการWin 10 (64 bit) macOS 10.14 หรือใหม่กว่าWin 10 (64 bit) macOS 10.14 หรือใหม่กว่า
แรม8 กิกะไบต์16 กิกะไบต์
ความละเอียดจอ1280 × 720 (พิกเซล)1920 × 1080 (พิกเซล) หรือสูงกว่า
ฮาร์ดไดรฟ์8 กิกะไบต์12 กิกะไบต์

กรณีรูปภาพที่มีขนาดมากกว่า 50,000,000 พิกเซลหรือรูปภาพ SVG ที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 MB โปรแกรม XCS อาจมีอาการกระตุกหรือค้าง

ถ้าสเปคอยู่ในค่าที่แนะนำ XCS จะสามารถทำงานได้ราบรื่น เมื่อคุณนำเข้าและแก้ไขภาพที่ไฟล์มีขนาดใหญ่ ซอฟต์แวร์จะใช้เวลาประมวลผลไม่นาน

ดาวน์โหลดและติดตั้ง XCS

ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ xTool Creative Space (***https://www.xtool.com/pages/software***) ให้ตรงกับระบบปฏิบัติการที่คุณใช้งานอยู่

ดับเบิลคลิก ซอฟต์แวร์ที่คุณดาวน์โหลดเพื่อเริ่มติดตั้ง

คลิก Yes เมื่อระบบถามคุณว่า “Do you want to allow this app to make changes to your device?” จากนั้นทำการติดตั้งต่อไปตามคำแนะนำ

ตัวอย่างการติดตั้งแบบเร็ว

1. เลือกภาษา

คลิก  Setting  และเลือกภาษา

2. เชื่อมต่อเครื่อง xTool D1 Pro กับโปรแกรม XCS

  1. ใช้สาย USB เพื่อเชื่อมต่อ xTool เข้ากับคอมพิวเตอร์ของคุณ
  2. เปิดคอมพิวเตอร์
  3. เปิด XCS แล้วคลิ๊ก Connect Device

XCS จะค้นหาอุปกรณ์และแสดงอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB หรือ Wi-Fi โดยอัตโนมัติ จากนั้น คลิกเลือกอุปกรณ์ที่คุณต้องการเชื่อมต่อ

หากคุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณกับ XCS ผ่าน Wi-Fi คุณจะพบอุปกรณ์ของคุณบนแท็บ WIFI

หรือคุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณผ่านที่ IP address ก็ได้เช่นกัน

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ WiFi และ IP สามารถดูวิธีทำได้ที วิธีเชื่อมต่ออุปกรณ์ในโหมด Wi-Fi หรือ IP

3. การจัดวางวัสดุ

จัดวางวัสดุที่จะยิงเลเซอร์ไว้ในพื้นที่ทำงานของอุปกรณ์ของคุณ

4. สร้างโปรเจคใหม่ เปิดไฟล์โปรเจค Import รูปภาพ และ สร้างงานออกแบบของคุณบน XCS

สร้างโปรเจคใหม่

คลิก New เพื่อสร้างโปรเจคใหม่ และยืนยันว่าจะบันทึกโปรเจคก่อนหน้าหรือไม่

เปิดไฟล์โปรเจค (รองรับไฟล์ .xcs เท่านั้น)

Import รูปภาพ (รองรับไฟล์ .jpg/.jpeg/.gif/.png/.bmp/.svg/.dxf)

หลังจากนำเข้ารูปภาพแล้ว คุณสามารถใช้รูปภาพนั้นได้เลย หรือจะแก้ไขเพิ่มเติมเองก็ได้

สร้างการออกแบบของคุณเอง

คุณสามารถแทรกรูปร่าง ป้อนข้อความ หรือวาดเส้นทางเวกเตอร์บน canvas(พื้นที่ว่าง) ได้

หมายเหตุ: ปัจจุบันยังไม่รองรับไฟล์ SVG ที่เป็นข้อความได้ คุณต้องการออกแบบข้อความในซอฟต์แวร์ออกแบบอื่นแล้วค่อยแปลงข้อความเป็นเวกเตอร์ จากนั้นค่อย export SVG เข้ามาใน XCS

5. ตั้งค่าประเภทการยิงเลเซอร์ โหมด และ พารามิเตอร์

เลือกงานออกแบบที่ต้องการบน canvas ก่อน จากนั้นเลือกการตั้งค่าประเภทการยิง โหมด และพารามิเตอร์สำหรับงานออกแบบนั้น

**หมายเหตุ:**สำหรับวัสดุนอกเหนือจากเมนูที่มีให้เลือก คุณสามารถตั้งค่าพารามิเตอร์กำลัง ความเร็ว และ จำนวนรอบการยิง ตามการตั้งค่าที่แนะนำในคู่มือผู้ใช้

6. เริ่มการทำงาน

คลิก  Process  เพื่อเริ่มกระบวนการทำงาน

หน้าต่างแสดงตัวอย่างจะเป็นดังนี้

คลิก Framing เพื่อเช็คว่าเครื่องวิ่งอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการหรือไม่ ถ้าทุกอย่างปกติ ให้คลิก Start เพื่อเริ่มยิงเลเซอร์ หรือ คลิก  Cancel  เพื่อยกเลิกการยิงเลเซอร์ได้

ในระหว่างการทำงาน คุณสามารถกดหยุดหรือทำงานต่อได้โดยการกดที่ปุ่ม Pause และ Continue บนโปรแกรม XCS หรือ กดที่ปุ่ม ON บนเครื่องได้

หากต้องการยกเลิกการทำงาน ให้คลิก Cancel

นี่เป็นกระบวนการทั่วไปของการใช้ XCS เพื่อสร้างผลงานของคุณ สำหรับรายละเอียดฟังก์ชันของ XCS ให้ไปดูที่ คำอธิบายฟังก์ชัน

คำอธิบายฟังก์ชั่น

หมายเหตุ : ถ้าคุณใช้ XCS อาจจะมีบางฟังก์ชันใช้งานไม่ได้ในบางสถานการณ์ ซึ่งจะแสดงเป็นสีเทา รายละเอียดฟังก์ชันมีดังนี้:

  1. Smart fill & Extract ฟังก์ชันทั้งสองนี้จะใช้งานได้หลังจากที่คุณเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของคุณกับ XCS เท่านั้น โปรดทราบว่าฟังก์ชันเหล่านี้รองรับเฉพาะเครื่องที่มีกล้อง เช่น xTool M1 ส่วนเครื่องจักรที่ไม่มีกล้องอย่าง xTool D series จะไม่มีฟังก์ชันดังกล่าว
  2. Align ฟังก์ชันนี้จะใช้ได้เมื่อคุณกดเลือกงานออกแบบ 2 ชิ้น บน canvas แล้วเท่านั้น
  3. Combine ฟังก์ชันนี้ใช้ได้เฉพาะกับงานเวกเตอร์ และ สามารถใช้ได้เมื่อคุณกดเลือกงานออกแบบ 2 ชิ้น บน canvas แล้วเท่านั้น

เมนู

1. การตั้งค่า (Setting)

โหมดทั่วไป (General)

Unit: ตั้งค่าหน่วยสำหรับแสดงขนาดและตำแหน่งของงาน

Auto-snapping: เปิดหรือปิดใช้งานฟังก์ชั่น auto-snapping โดยค่ามาตรฐานจะเป็น เปิด(enable)

เมื่อเปิดใช้งาน เส้นบอกแนว(guide)จะปรากฏขึ้นเมื่อคุณมีการเคลื่อนย้ายงานบน canvas เพื่อช่วยให้คุณจัดตำแหน่งงานได้สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น

เมื่อปิดใช้งาน จะไม่มีเส้นบอกแนว(guide)ปรากฏขึ้นเมื่อคุณย้ายงาน

Precise vector path selection: ฟังก์ชันนี้จะไม่ได้ถูกเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น

ตอนปิดการใช้งานฟังก์ชันนี้ คุณสามารถเลือกเส้นทางเวกเตอร์ได้โดยคลิกที่กล่อง(Selection box) อย่างไรก็ตาม กล่องของเส้นทางเวกเตอร์ที่มีจำนวนเยอะ อาจทับซ้อนกัน ทำให้ยากต่อการเลือกเส้นทางเวกเตอร์ที่ต้องการได้

ดังแสดงในรูปด้านล่างนี้ เป็นการยากมากที่จะเลือกเส้นสีม่วง เนื่องจากมีกล่องอื่นบังอยู่

แต่ถ้าเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้ แต่ละเวกเตอร์จะไม่มีกล่อง ดังนั้นคุณจะต้องเลื่อนตัวชี้เมาส์ไปใกล้กับเส้นเวกเตอร์เพื่อเลือก คราวนี้คุณก็จะสามารถเลือกเส้นทางเวกเตอร์ได้โดยไม่มีกล่องรบกวน ดังรูปด้านล่าง คุณสามารถเลือกเส้นได้โดยเลื่อนตัวชี้เมาส์ไปใกล้กับเส้นนั้นแล้วคลิก

Imported image too large for the canvas: กำหนดเงื่อนไขนำเข้าภาพที่มีขนาดใหญ่ โดยมีตัวเลือกดังต่อไปนี้:

  • Ask me every time: โปรแกรม XCS จะถามคุณทุกครั้งตอนคุณนำเข้ารูปภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับ canvas
  • Auto-scale it: โปรแกรม XCS จะปรับขนาดรูปภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับ canvas ให้โดยอัตโนมัติตอนคุณนำเข้า
  • Keep its size: โปรแกรม XCS จะแสดงรูปภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับ canvas ในขนาดดั้งเดิมตอนคุณนำเข้า

Hot keys: คุณสามารถคลิก View เพื่อดูปุ่มลัดทั้งหมด

Language: ตั้งค่าภาษาของ UI

Software update: แสดงเวอร์ชันซอฟต์แวร์และตรวจสอบเวอร์ชันที่ใหม่กว่า

About: แสดงข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์

Developer mode

บังคับอัปเดตเฟิร์มแวร์: คลิก Start เพื่อเริ่มฟังก์ชันอัปเกรดเฟิร์มแวร์แล้วคลิก Update เพื่ออัปเดตเฟิร์มแวร์ล่าสุด

หรือถ้าคุณมีเฟิร์มแวร์ในคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว สามารถเลือกหรือลากเฟิร์มแวร์เข้าไปใส่เพื่ออัปเดตได้เช่นกัน

2. ไฟล์

  1. New : สร้างโปรเจคใหม่
  2. Open project: เปิดไฟล์โปรเจคในเครื่อง (รองรับไฟล์ .xcs เท่านั้น)
  3. Import image: นำเข้าไฟล์รูปภาพ (รองรับไฟล์ .jpg/.jpeg/.gif/.png/.bmp/.svg/.dxf เท่านั้น)
  4. Save: บันทึกการเปลี่ยนแปลงที่ทำมาทั้งหมด
  5. Save as: บันทึกโปรเจคแยกอีกไฟล์

ชื่อโปรเจค

บริเวณนี้จะแสดงชื่อโครงการปัจจุบันที่เปิดอยู่

ลิงค์

  1. Announcement: ลิงก์ไปยังหน้าต่างประกาศของโปรแกรม XCS ซึ่งคุณจะพบกับประกาศล่าสุด
  2. Community: ลิงก์ไปยังชุมชน XCS ซึ่งคุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ XCS ได้ อีกทั้งยังแบ่งปันโปรเจคของคุณ พูดคุยกับผู้อื่น และ รับแรงบันดาลใจต่างๆได้ที่นี่
  3. Projects: ลิงก์ไปยังศูนย์รวมโปรเจคตัวอย่าง
  4. Support: ลิงก์ไปยังหน้า ช่วยเหลือ บนเว็บไซต์ xTool ซึ่งคุณสามารถค้นหาความช่วยเหลือออนไลน์เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ของ xTool ได้
  5. Shop: ลิงก์ไปยังร้านค้าออนไลน์ xTool ซึ่งคุณสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ xTool อุปกรณ์เสริม และวัสดุต่างๆได้ที่นี่

เครื่องมือ

แถบเครื่องมือแนวตั้ง

  1. Image: คลิกเพื่อนำเข้ารูปภาพ
  2. Insert: คลิกและเลือกเพื่อวาดรูปร่างพื้นฐาน
  3. Shape: คลิกเพื่อแทรกรูปร่างแบบอื่นๆ
  4. Text: คลิกเพื่อแทรกข้อความ
  5. Vector: คลิกเพื่อวาดเส้นทางเวกเตอร์
  6. xArt: คลิกเพื่อใช้ฟีเจอร์ AI ในการสร้างภาพจากข้อความ (จำเป็นต้องสร้างบัญชี Log In)
  7. Code: คลิกเพื่อใช้งานการแปลง Link หรือตัวเลข เป็น QR code หรือ Barcode
  8. Select: คลิกเพื่อเลือกงานตั้งแต่หนึ่งแบบขึ้นไป
  9. Hand: คลิกเพื่อขยับ canvas ใบโดยการคลิ๊กลาก

การใช้งานปุ่ม Image

สร้างรูปจากรูปภาพ ปัจจุบัน XCS รองรับการนำเข้าเฉพาะไฟล์ JPG, JPEG, GIF, PNG, BMP, SVG, DXF และ WEBP

หมายเหตุ: ใน XCS เวอร์ชั่นปัจจุบัน ยังไม่รอบรับไฟล์งานที่เป็นตัวหนังสือ คุณจะต้องแปลงตัวหนังสือเป็นเส้นเวกเตอร์ก่อน จากนั้นค่อยนำเข้าเวกเตอร์นั้นในรูปแบบไฟล์ SVG ลงใน XCS

หากคุณนำเข้าภาพ bitmap คุณสามารถตั้งค่าได้โดยใช้แถบการตั้งค่าภาพทางด้านขวา

Filter: สำหรับเพิ่มลูกเล่นให้กับรูปภาพได้

Sharpness: ปรับความคมชัดของงาน

Grayscale: สัมพันธ์กับ contrast ของแสงและเงา เลื่อนบล็อกทางซ้ายไปตรงกลางเพื่อเพิ่มความเงา เลื่อนบล็อกทางด้านขวาไปตรงกลางเพื่อเพิ่มความสว่าง

Invert: คุณสามารถกลับสีของภาพได้ โดยฟังก์ชันนี้มีประโยชน์สำหรับการทำงานกับวัสดุสีเข้มบางชนิด เช่น การแกะสลักภาพบนอะคริลิกโปร่งใสหรือโปร่งแสง หินชนวนดำ ยาง และ กระจก XCS รองรับการสลับสีของรูปภาพขาวดำ grayscale และ ภาพสี ได้ดังนี้

  • ภาพขาวดำ: พิกเซลสีขาวจะกลับกลายเป็นสีดำ และพิกเซลสีดำจะกลับกลายเป็นสีขาว
  • ภาพ grayscale: พิกเซลที่แสงสว่างจะกลับกลายเป็นพิกเซลมืด และพิกเซลสีมืดจะกลับกลายเป็นพิกเซลสว่าง
  • ภาพสี: ภาพสีจะถูกแปลงเป็นภาพ grayscale ก่อน จากนั้นพิกเซลสว่างจะถูกแปลงกลับเป็นพิกเซลสีเข้ม และ พิกเซลสีเข้มจะถูกแปลงกลับเป็นพิกเซลสว่าง

หมายเหตุ: สำหรับรูปภาพที่มีพื้นหลังโปร่งใสหรือโปร่งแสง พื้นหลังจะไม่กลับด้าน มีเฉพาะสีของพิกเซลในรูปภาพเท่านั้นที่จะกลับด้าน

นอกเหนือจากการตั้งค่าก่อนหน้านี้ คุณยังสามารถแก้ไขรูปภาพเพิ่มเติมได้โดนยกดปุ่ม Edit Image

  • Magic wand: เลือกลบพื้นที่ที่คุณต้องการออกจากภาพ Fuzziness: พารามิเตอร์นี้ใช้ได้เฉพาะกับ magic wand เท่านั้น โดยเป็นการระบุช่วงสีพิกเซลที่คุณจะลบ ยิ่งค่ามากขึ้น ช่วงสีก็จะกว้างขึ้น กล่าวคือ ช่วงสีของพิกเซลที่จะลบอาจแตกต่างกันมาก แต่ถ้ายิ่งค่าน้อยลง ช่วงสีก็จะแคบลง กล่าวคือ สีของพิกเซลที่จะลบจะใกล้เคียงกันมาก
  • Eraser: ลบพื้นที่ที่คุณคลิกออกจากรูปภาพ Size: พารามิเตอร์นี้ใช้ได้เฉพาะกับยางลบ เป็นการระบุขนาดของยางลบ ยิ่งค่ามาก ยางลบก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น
  • Crop: ตัดเอาพื้นที่ที่คุณเลือก

การใช้งานปุ่ม Insert

กดเพื่อเลือกวาดรูปร่างทั่วไป คุณสามารถกด Shift เพื่อวาดสี่เหลี่ยม วงกลม หรือเส้นแนวนอนหรือแนวตั้งได้

การใช้งานปุ่ม Shape

กดเพื่อแทรก รูปสำเร็จที่มีให้ในโปรแกรม

การใช้งานปุ่ม Text

แทรกข้อความ ข้อความเริ่มต้น จะเป็น HELLO หลังจากแทรกข้อความ คุณจะสามารถเปลี่ยนคำ และตั้งค่าขนาดแบบอักษร Typeface style ระยะห่าง Leading และ การจัดเรียง นอกจากนี้ คุณยังสามารถเชื่อมตัวอักษรในข้อความได้

สำหรับ Font ที่ใช้ สามารถเพิ่มได้ โดยเพิ่มเข้าไปในระบบของ Window ตัวโปรแกรมจะเอา Font ที่ Install ในโปรแกรม Window มาโชว์และให้เลือกใช้งาน

  • Weld ฟังก์ชันนี้ใช้เพื่อเชื่อมรวมตัวอักษรที่มีบางส่วนทับซ้อนกันในข้อความ หลังจากเชื่อมแล้ว ข้อความจะกลายเป็นเส้นเวกเตอร์ และ แผงการตั้งค่าข้อความด้านข้างจะหายไป

แต่ถ้าตัวอักษรที่ไม่ได้มีส่วนที่ซ้อนทับกัน ข้อความจะยังคงเหมือนเดิมแต่จะเปลี่ยนเป็นเส้นเวกเตอร์แทน

การใช้งานปุ่ม Vector

เลือกเพื่อวาดเส้นเวกเตอร์ คุณสามารถกด ปุ่ม Esc หรือคลิกเมนูอื่นๆ เพื่อสิ้นสุดการวาดภาพได้เช่นกัน

หลังจากวาดเส้นทางเวกเตอร์ คุณสามารถดับเบิลคลิกที่จุดบนเส้นเพื่อแก้ไขได้:

  • แปลงเป็นมุมมน หรือ กลับเป็นมุม
  • ปรับความโค้ง +

การใช้งานปุ่ม Select

ใช้สำหรับกดเลือกงานที่อยุ่ในพื้นที่ สำหรับแก้ไข ย้ายตำแหน่ง การเลือกงานจะมีหลายแบบ

  • เลือกงานที่ละชิ้น: คลิกที่งานที่ต้องการเมื่อเลือกแล้ว จะมีกรอบขึ้นมาที่ตัวชิ้นงาน

เลือกงานหลายๆชิ้นพร้อมกัน สำหรับการจัดกลุ่ม หรือเปลี่ยนตำแหน่งงานหลายชิ้นๆ รวมไปถึงงานย่อ ขยายชิ้นงานพร้อมๆกัน ซึ่งการเลือกแบบหลายชิ้นๆ ทำได้ 2 วิธี

วิธีที่ 1: ใช้เมาส์ลากคลุมชิ้นงานที่ต้องการเลือก

วิธีที่ 2: ให้กดปุ่ม Shift ที่แป้นพิมพ์ค้างไว้ แล้วคลิ๊กเรื่องงานที่ต้องการ ถ้าอยากยกเลิกการเลือก ก็ให้คลิ๊กงานที่ไม่ต้องการ ซ้ำอีกครั้ง เป็นการยกเลิกการเลือกชิ้นงานชิ้นนั้น

หมายเหตุ: ถ้างานที่เลือกไว้เป็นงานประเภทเดียวกัน คุณสามารถตั้งค่าพารามิเตอร์การทำงานได้พร้อมกันทีเดียว แต่ถ้างานเป็นละประเภท คุณจะต้องตั้งค่าพารามิเตอร์การทำงานแยกกัน

การใช้งานปุ่ม Hand

สำหรับปุ่มนี้จะเป็นการแพน เพื่อเลื่อน Canvas โดยการลากเมาส์

แถบเครื่องมือแนวนอน

Undo: ยกเลิกการกระทำล่าสุด

Redo: ย้อนการกระทำสุดท้ายอีกครั้ง

Outline: เพิ่มเส้นขอบให้กับงาน นอกจากรองรับทั้งแบบรูปภาพ ข้อความ และ เส้นเวกเตอร์ แล้ว ยังสามารถเพิ่ม outline ให้กับภาพที่มีพื้นหลังโปร่งใสได้อีกด้วย

ถ้าพื้นหลังของภาพไม่ได้โปร่งใส เมื่อระยะออฟเซ็ตเป็นค่าบวก เส้นขอบจะอยู่ด้านนอก เมื่อใส่เป็นค่าติดลบของระยะออฟเซ็ต เส้นขอบจะอยู่ด้านใน

ถ้าพื้นหลังของภาพโปร่งใส คุณสามารถเลือกเพิ่มเส้นขอบทั้งด้านในและด้านนอกได้

Array: เพิ่มจำนวนงานที่ต้องการออกมาหลายๆงาน และ จัดวางในรูปแบบตารางหรือวงกลม เลือกงาน เลือกโหมด array และตั้งค่าให้เสร็จสิ้น

Smart fill: ฟังก์ชั่นทำซ้ำสำหรับงานที่มีวัสดุหลากหลาย ฟังก์ชั่นนี้ใช้ได้เฉพาะกับรุ่นที่มีกล้องในตัวเท่านั้น สำหรับรุ่น xTool D1 ที่ไม่มีกล้อง จะไม่รองรับฟังก์ชันนี้

Group: เลือกงานที่ต้องการแล้วคลิก Group เพื่อจับกลุ่มงาน เมื่อจับกลุ่มแล้ว เวลาย้าย หรือย่อ ขยาย ชิ้นงาที่อยู่ในกลุ่ม ก็จะไปพร้อมกัน

Ungroup: เลือกงานที่เป็นกลุ่ม แล้วคลิก Ungroup เพื่อยกเลิกการจัดกลุ่ม

Align: จัดเรียงตำแหน่งของงาน

ตัวอย่างการจัดตำแหน่ง ดังรูปต่อไปนี้

จัดชิดซ้าย

จัดกึ่งกลางแนวนอน

จัดชิดขวา

จัดตำแหน่งชิดด้านบน

จัดกึ่งกลางแนวตั้ง

จัดตำแหน่งชิดด้านล่าง

นอกจากจะมีฟีเจอร์จัดงานให้ตรงตามแนวแล้ว ยังมีฟีเจอร์ที่ใช้กระจายงานให้มีช่องว่างเท่ากัน ดังตัวอย่างรูปต่อไปนี้

กระจายในแนวนอน

กระจายในแนวตั้ง

Arrange: จัดเรียงลำดับของงาน คุณสามารถนำงานมาไว้ด้านหน้าสุด หรือวางไว้ด้านหลังหลังสุด หรือขยับมาข้างหน้า หรือขยับไปข้างหลังทีละชั้นก็ได้ ตัวอย่าง การจัดเรียงงานตามรูปต่อไปนี้

ขยับมาข้างหน้า(Bring forward)

นำมาไว้ข้างหน้าสุด(Bring to front)

ขยับไปด้านหลัง(Send backward)

นำไปไว้หลังสุด(Send to back)

Combine: เป็นฟีเจอร์ที่รวมการ ผสานเส้น รวมไปถึงการแบ่ง หัก ลบ เส้นที่ทับกันได้

คำสั่ง Unite

คำสั่ง Subtract

คำสั่งตัดเอาเฉพาะพื้นที่ร่วม Unite at overlap

คำสั่งตัดเอาพื้นที่ร่วมออก Subtract at overlap

Reflect: สลับด้านแนวนอนหรือแนวตั้งเป็นฟีเจอร์ที่เหมือนกับการ Mirror

สามารถนำเอาไปใช้กลับด้านตัวหนังสือ เพื่อทำตรายางได้

คำสั่งสลับด้านในแนวนอน Reflect Horizontally

คำสั่งสลับด้านในแนวนอน Reflect Vertically

Position: กำหนดตำแหน่งของงานบน canvas ตามพิกัด x และ y โดยจุด (0,0) อยู่ที่มุมซ้ายบน สามารถตั้งค่าหน่วยได้ใน Setting

Size: กำหนดขนาดของงาน สามารถตั้งค่าหน่วยได้ใน Setting

ค่าเริ่มต้นจะเป็นแบบล็อคมาตราส่วนให้เท่ากัน คุณสามารถคลิกไอคอนแม่กุญแจเพื่อยกเลิกการล็อคขนาด จากนั้นขนาดงานจะสามารถปรับได้อย่างอิสระ

เคล็ดลับ: อัตราส่วนความกว้างต่อความสูงของรูปภาพจะถูกล็อคไว้ตั้งแต่ตอนคุณนำเข้างานมาใน XCS คุณสามารถคลิกไอคอนแม่กุญแจเพื่อปลดล็อกอัตราส่วน เพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนความกว้างและความสูงของรูปภาพได้อย่างอิสระ

Rotate: หมุนปรับมุมเอียงของงาน ค่าบวกหมายถึงการหมุนตามเข็มนาฬิกา ส่วนค่าลบหมายถึงการหมุนทวนเข็มนาฬิกา

Canvas

การออกแบบและแก้ไขงาน

บน canvas (พื้นที่ว่าง) คุณสามารถออกแบบหรือปรับแต่งงานในนี้ได้

การจัดการ Canvas

คุณสามารถเพิ่ม ลบ หรือ เปลี่ยนชื่อ canvas ได้ โดยที่ในหนึ่งโปรเจค สามารถเก็บ canvas ได้มากกว่าหนึ่ง เพื่อที่จะได้เก็บงานได้หลากหลายแบบ

ซูมเข้า/ออก

คุณสามารถซูมเข้าหรือออก canvas หรือ ปรับให้พอดีกับหน้าจอได้ ระดับการซูมสูงสุดคือ 4,000% โดยการคลิก “+” เพื่อขยายเพิ่มเติม หลังจากตั้งค่ามาตราส่วนเป็น 1,000% แล้ว

การตั้งค่าอุปกรณ์

เชื่อมต่ออุปกรณ์

หมายเหตุ:
ไม่ว่าคุณต้องการเชื่อมต่อเครื่องกับโปรแกรม XCS ด้วยวิธีใดก็ตาม คุณจะต้องเชื่อมต่อกับ XCS โดยใช้สาย USB ในครั้งแรกก่อน
หลังจากที่คุณเชื่อมต่อเครื่องกับโปรแกรม XCS ผ่าน Wi-Fi หรือ IP address แล้วโปรแกรม XCS จะสามารถค้นหาและค้นหาอุปกรณ์ของคุณได้โดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อเครื่องผ่านสาย USB อีกต่อไป

การเชื่อมต่อผ่าน USB

ใช้สาย USB เพื่อเชื่อมต่อเครื่อง xtool กับคอมพิวเตอร์ จากนั้นเปิดเครื่องและเปิดโปรแกรม XCS

คลิก  Connect Device บน XCS

รอให้ XCS ค้นหาเครื่อง เมื่อเจอแล้วให้คลิ๊กเลือกเครื่องของคุณ

การเชื่อมต่อ Wi-Fi

ก่อนที่จะเชื่อมต่อผ่าน Wifi ได้ จำเป็นต้องเข้าไปตั้งค่า Wifi ผ่านสาย USB ก่อน ถึงจะสามารถเชื่อมต่อเครื่องแบบไร้สายได้ โดยทำแค่ครั้งแรก ครั้งเดียว

ใช้สาย USB เพื่อเชื่อมต่อ xTool D1 Pro เข้ากับคอมพิวเตอร์ของคุณ เปิดเครื่อง จากนั้นเปิดโปรแกรม XCS

คลิก Connect device บนโปรแกรม XCS

รอให้โปรแกรม XCS ค้นหาเครื่อง เมื่อเจอแล้วเลือกเครื่องของคุณ

หลังจากเชื่อมต่อเครื่องกับ XCS ผ่านสาย USB แล้ว คุณสามารถคลิกไอคอนรูปเฟืองเพื่อเปิดหน้าต่างข้อมูลเครื่องและการตั้งค่า คลิก Setting ใน Wi-Fi Setting เพื่อกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi

หากคุณเชื่อมต่อเครื่องกับ XCS ผ่านเครือข่าย Wi-Fi แล้ว คุณจะพบชื่อเครื่องบนแท็บ WIFI หลังจากที่ XCS ค้นหาอุปกรณ์เจอแล้ว

การเชื่อมต่อ IP

คุณสามารถป้อน IP address ของเครื่องบน XCS เพื่อเชื่อมต่อได้

หลังจากเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณกับ XCS ผ่านสาย USB คุณจะพบ IP address ของเครื่องในหน้าต่างข้อมูลเครื่องและการตั้งค่า

ป้อน IP address บนแท็บ IP ในหน้าต่าง Connect device

ดูข้อมูลเครื่องและตั้งค่าฟังก์ชันต่างๆ

หลังจากเชื่อมต่อ xTool D1 Pro กับ XCS แล้ว คุณจะสามารถดูข้อมูลพื้นฐานและตั้งค่าฟังก์ชันต่างๆ ได้

ข้อมูลพื้นฐาน

  1. Device name: ตั้งชื่ออุปกรณ์ของคุณ
  2. Laser model: แสดงรุ่นของเลเซอร์
  3. Serial number: แสดงหมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์ของคุณ
  4. Firmware version: แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ของเครื่อง คุณสามารถคลิก Check for updates เพื่อตรวจสอบเวอร์ชันที่ใหม่กว่าและอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้
  5. Wi-Fi setting: ตั้งชื่อ WiFi และรหัสผ่านเพื่อตั้งค่าการเชื่อมต่อ Wi-Fi

Working parameters

โหมดการวางตำแหน่ง

Red cross: กากบาทสีแดงเป็นโหมดเริ่มต้นเมื่อคุณเริ่มเปิดใช้เครื่อง และ XCS ในครั้งแรก จุดศูนย์กลางของกากบาทสีแดงเป็นตัวบอกตำแหน่งของลำแสงเลเซอร์

หมายเหตุ: จุดศูนย์กลางของกากบาทสีแดงอาจอยู่ห่างจากบริเวณที่ลำแสงเลเซอร์ตก 1-2 มม. แต่คุณสามารถตั้งค่าชดเชยเพิ่มเติมได้

Laser spot: โหมดนี้จะยิงลำแสงพลังงานต่ำที่ปล่อยออกมาจากโมดูลเลเซอร์ ซึ่งสามารถช่วยคุณระบุตำแหน่งเริ่มต้นสำหรับการประมวลผลได้ หลังจากเลือกโหมดเลเซอร์สปอตบน Working parameters แล้ว คุณสามารถเปิดหรือปิดใช้งานโหมดเลเซอร์สปอตได้ใน หน้า Preview

เคล็ดลับ:  หากคุณต้องการมีพื้นที่การทำงานที่ใหญ่ที่สุด แนะนำให้ใช้โหมด Laser spot

วิธีการExport งานบน Canvas เป็น Gcode เพื่อใช้กับโปรแกรม Lighburn

คลิก Export งานบน canvas เป็นไฟล์ Gcode โดยไฟล์ Gcode สามารถเอาไปใช้ในโปรแกรม Lightburn ได้ (xTool D series รองรับการ export เป็น Gcode เท่านั้น)

ฟีเจอร์อื่นๆ

Flame alarm: ตั้งค่าความไวในการตรวจจับเปลวไฟ

  • High sensitivity: เมื่อคุณเลือกตัวเลือกนี้ เซ็นเซอร์เปลวไฟจะมีความไวสูงต่อเปลวไฟและประกายไฟ เมื่อตรวจจับเปลวไฟหรือประกายไฟ เซ็นเซอร์เปลวไฟจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนควัน เสียงกริ่ง และไฟแสดงสถานะ (สีแดงกะพริบ) ขณะที่ xTool D1 Pro กำลังทำงาน
  • Low sensitivity: เมื่อคุณเลือกตัวเลือกนี้ เซ็นเซอร์เปลวไฟจะไวต่อเปลวไฟและประกายไฟน้อยลง เมื่อตรวจจับเปลวไฟหรือประกายไฟ เซ็นเซอร์เปลวไฟจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนควัน เสียงกริ่ง และไฟแสดงสถานะ (สีแดงกะพริบ) ขณะที่ xTool D1 Pro กำลังทำงาน
  • Do not show again: เมื่อคุณเลือกตัวเลือกนี้ เซ็นเซอร์เปลวไฟจะไม่ส่งสัญญาณเตือนควัน เสียงกริ่ง หรือไฟแสดงสถานะใดๆ แม้ว่าจะตรวจพบเปลวไฟและประกายไฟก็ตาม

Stops when moved: เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชัน Stops when moved ถ้าเครื่องมีการขยับอย่างรวดเร็วขณะเครื่องกำลังทำงานจะส่งเสียงสัญญาณและไฟแสดงสถานะ (กะพริบสีแดง)

Limit switch: เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชัน Limit switch ระยะการเคลื่อนที่ของเลเซอร์จะถูกจำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้ชนกับขอบด้านข้างของเครื่อง

การตั้งค่าการทำงาน

1. ประเภทการทำงาน

  • Laser flat: ยิงลำแสงเลเซอร์ลงบนวัสดุผิวเรียบ
  • Laser cylindrical: ยิงลำแสงเลเซอร์ลงบนวัสดุทรงกระบอก
  • Laser extension kit: ยิงลำแสงเลเซอร์ลงบนวัสดุขนาดยาว ซึ่งการทำงานประเภทนี้จะต้องใช้คู่กับชุดเสริมเท่านั้น

2. วัสดุ

หากคุณใช้วัสดุที่ผลิตโดย xTool ให้ตั้งค่าพารามิเตอร์ตามคำแนะนำที่ให้ไว้ในคู่มือผู้ใช้ แต่ถ้าหากคุณใช้วัสดุที่ซื้อจากผู้ผลิตรายอื่น คุณสามารถใส่ค่าพารามิเตอร์ตามการที่ xTool แนะนำ หรือใช้ค่าที่ได้จากการยิงทดสอบเองก็ได้เช่นกัน

3. โหมดการทำงาน

เลือกงานก่อน จากนั้นกดเลือกโหมดการทำงาน

Score: แกะสลักเฉพาะเส้นขอบของงาน

Engrave: แกะสลักแบบทึบทั้งงาน

Cut: ตัดตามเส้นขอบของงาน

4. Output ตั้งค่าแต่ละงานว่าจะให้ทำงานหรือไม่

ถ้าคุณเลือก เปิด ใช้งาน Output งานจะยิงเลเซอร์ตามการตั้งค่าพารามิเตอร์ (โหมดการทำงาน กำลังไฟ ความเร็ว และจำนวนรอบการยิง) เมื่อคุณ ปิด ใช้ Output การตั้งค่าพารามิเตอร์ทั้งหมดไม่มีผลสำหรับงานนั้นๆ

5. Power

ตั้งค่ากำลังไฟสำหรับการแกะสลักหรือการตัดเลเซอร์ มีหน่วยเป็น % ยิงสูง เลเซอร์ยิงแรง

6. Speed

ตั้งค่าความเร็วในการแกะสลักหรือตัดเลเซอร์

7. Pass

ตั้งค่าจำนวนรอบในการยิงเลเซอร์

พารามิเตอร์เพิ่มเติมสำหรับการแกะสลักภาพ

8. Engrave

เมื่อเลือกงานที่เป็นไฟล์ภาพ จะมีเพียงฟังก์ชันการแกะสลัก(engrave) เท่านั้นที่ใช้งานได้

โหมดบิตแมป XCS มีโหมด bitmap หลายแบบ ตั้งแต่ grayscale, Bayer, Floyd, Stucki, Atkinson, Jarvis และ Sierra ซึ่งโหมดเริ่มต้นจะเป็น grayscale

โหมด Greyscale

แปลงจากรูปภาพเป็นภาพ grayscale โดยพิกเซลแต่ละจุดจะถูกแปลงเป็นเฉดสีเทาอยู่ในช่วงขาวกับดำ ยิ่งพิกเซลสีเข้มเท่าไหร่ การยิงแกะสลักก็จะยิ่งเผาจนเข้มมากขึ้นเท่านั้น

โหมด Bayer

ลวดลายจะเป็นแนวดูเหมือนมีตาราง mosaic เสริมให้กับรูป

โหมด Floyd

จะเป็นแนวเกลี่ยสีกระจายการแกะสลักไปยัง pixel ข้างเคียง ส่งผลให้ได้ภาพที่ละเอียด บิดเบี้ยวน้อยลง และมีความละเอียดที่สูง แนะนำให้ใช้กับรูปภาพที่มีรายละเอียดสูง แต่จะไม่เหมาะสำหรับรูปภาพที่เรียบๆ monochrome

โหมด Stucki

Stucki เป็นโหมดที่ประมวลผลเร็วกว่าโหมด Jarvis เล็กน้อย และให้ภาพที่สะอาด คมชัดยิ่งขึ้น

โหมด Atkinson

มีอัลกอริธึมที่คล้ายคลึงกับ Jarvis และ Sierra ที่เก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี แต่ไม่แนะนำให้ใช้กับรูปที่สภาพแวดล้อมแสงที่มืดหรือสว่างมาก เพราะอาจทำให้รายละเอียดภาพหายไปได้

โหมด Jarvis

Jarvis เป็นโหมดที่ให้รอยต่อระหว่างพิกเซลนุ่มนวลกว่าโหมด Floyd และใช้งานได้ดีกับภาพเกือบทุกภาพ

โหมด Sierra

มีพื้นฐานมาจากการแกะสลักแบบ Jarvis ให้รายละเอียดที่คล้ายกัน แต่มีความคมชัดที่สูงกว่า

ถ้ากำหนดให้ค่าอื่นๆเหมือนกันหมด ผลลัพธ์ของภาพที่ได้บนกระดานไม้จะแตกต่างกันไปตามโหมดภาพที่เลือก ดังแสดงในรูปต่อไปนี้

10. Lines per cm

กำหนดจำนวนเส้นในหนึ่งเซนติเมตร พารามิเตอร์นี้จะเป็นตัวกำหนดความละเอียดของภาพที่จะแกะสลัก

ถ้าตั้งเยอะเกินไป ชิ้นงานอาจะไหม้ได้ ควรตั้งให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการ

11. Engrave mode

ตั้งค่าโหมดการแกะสลักแบบสองทิศทางหรือทิศทางเดียวสำหรับภาพ bitmap และเส้นเวกเตอร์ที่

Bi-directional: โมดูลเลเซอร์ปล่อยลำแสงเคลื่อนที่ทั้งจากซ้ายไปขวาและจากขวาไปซ้าย ถ้าเปรียบเทียบกับโหมด Uni-directional จะใช้เวลาในการทำงานน้อยกว่า อย่างไรก็ตามรายละเอียดงานจะสู้แบบโหมด Uni-directional ไม่ได้

Uni-directional: โมดูลเลเซอร์จะปล่อยลำแสงเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวาเท่านั้น เมื่อเทียบกับโหมด Bi-directional การทำงานจะใช้เวลานานกว่า แต่งานที่ได้จะมีรายละเอียดที่ดีกว่า

เริ่มการทำงาน

หลังจากตั้งค่าพารามิเตอร์แล้ว คลิก  Process  เพื่อเริ่มการยิงเลเซอร์บนผิววัสดุ

หน้าต่าง  Preview  จะปรากฏขึ้นมา

1. Move laser module: เลื่อนโมดูลเลเซอร์ไปข้างหน้า ถอยหลัง ไปทางซ้าย หรือ ไปทางขวา

2. Speed: ตั้งค่าความเร็วที่โมดูลเลเซอร์เคลื่อนที่ ช่วงการตั้งค่า: 1–150 (มม./วินาที)

3. Distance: กำหนดระยะทางที่โมดูลเลเซอร์เคลื่อนที่ในแต่ละครั้ง ช่วงการตั้งค่า: 1-300 (มม.)

4. Laser spot: เปิดหรือปิดจุดเลเซอร์ และสามารถตั้งค่าพลังงานได้

5. Setting range: 1%-10%

หมายเหตุ:
จุดเลเซอร์จะถูกปิดการใช้งานโดยอัตโนมัติ ถ้าออกจากหน้าการทำงาน หรือ เริ่มการทำงานของเครื่อง ถ้าต้องการใช้ฟังก์ชันการกำหนดตำแหน่งจุดเลเซอร์ คุณจะต้องเลือกฟังก์ชันนี้ใน Working parameters

คำแนะนำด้านความปลอดภัย: อย่าปล่อยให้ลำแสงเลเซอร์ตก บนตำแหน่งเดิมของวัสดุเป็นเวลานาน เพราะวัสดุอาจจะเกิดไฟลุกไหม้ได้

Origin: กำหนดจุดเริ่มต้นของการทำงานให้กับแบบ

Estimated time: แสดงเวลาการทำงานโดยประมาณ

Framing setting: รองรับการกำหนดกำลังไฟและความเร็วของเลเซอร์เองในการ framing ได้

หมายเหตุ: เปิด Laser spot หากคุณต้องการตั้งค่าการตั้งค่า framing เอง หากใช้กำลังไฟแรงเกิน อาจทิ้งรอยไหม้หรือถึงขั้นเผาวัสดุจนลุกไหม้ได้ เนื่องจากวัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โปรดปรับกำลังไฟให้เหมาะกับแต่ละวัสดุ

Framing: แสดงพื้นที่ที่จะวิ่งทำงานบนผิววัสดุ

Start: ถ้าเลเซอร์วิ่งบนพื้นที่ที่คาดไว้ได้อย่างถูกต้องดีแล้ว ให้คลิก Start เพื่อเริ่มการทำงานและรอจนกว่าการทำงานจะเสร็จสิ้น

Cancel: ยกเลิกการทำงานและกลับไปที่ canvas

หยุดชั่วคราว ดำเนินการต่อ และยกเลิกการทำงาน

ในระหว่างการทำงาน คุณสามารถคลิก Pause และ Continue ในโปรแกรม XCS หรือกดที่ปุ่มบน xTool D1 Pro เพื่อหยุดชั่วคราวและดำเนินการต่อได้ ตามลำดับ

คุณสามารถคลิก Cancel ที่มุมขวาบนของ หน้าต่าง Processing เพื่อยกเลิกงานได้ ไม่ว่าจะกำลังดำเนินการหรือหยุดชั่วคราวก็ตาม

source : https://support.xtool.com/hc/en-us/articles/6816833786519

Updated on 12/10/2023

Was this article helpful?